Latest Post

สูตรบาคาร่าเซ็กซี่ ชนะยังไม่พอ “เลสเตอร์” เฉือน “เวสต์แฮม” แต่ยังตกชั้น “พรีเมียร์ลีก” ในรอบ 9 ปี

“วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล” กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ มองทิศทาง หุ้นไทยปี 66 ผันผวนแกว่งตัวขึ้น-ลง 300 จุด หรือ 1,500-1,760 จุด ประเมินไตรมาส 1 ปี 66

เศรษฐกิจ จะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด เพราะได้แรงหนุนจากฟันด์โฟลว์ที่ไหลเข้าไทยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) แล้วกว่า 8 หมื่นล้านบาท ไหลเข้าหุ้นไทยราว 15,000 ล้านบาท และตลาดตราสารหนี้กว่า 6-7 หมื่นล้านบาท และครึ่งปีหลังอาจเห็นเงินต่างชาติไหลลงทุนในเอเชียเหนือ เช่น เกาหลีใต้-ไต้หวันมากขึ้น ทำให้กลุ่ม Tech ในจีน, ไต้หวัน และเกาหลีใต้ outperform ขึ้นมา เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อ Fund Flow ให้ไหลออกจากตลาดหุ้น ASEAN รวมถึงหุ้นไทย แนะ Sector Rotation ให้น้ำหนักลงทุนมากกว่าตลาดในหุ้นแบงก์, ค้าปลีก, โรงไฟฟ้า, Infrastructure Fund, Industrial Estate และโทรคมนาคม

มุมมองทรีนีตี้

ส่วนนโยบายดอกเบี้ยเฟดกลางปีนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดและมีผลต่อทิศทางหุ้นทั่วโลก คาดไว้ 3 กรณี 1.เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในไตรมาส 1 สู่ระดับ 5% แล้วหยุดทั้งปี มีโอกาสเกิดขึ้น 35-40% ผลคือหุ้นทั่วโลกจะ Sideway up แต่ฟันด์โฟลว์จะเคลื่อนย้ายมาสู่เอเชียเหนือมากขึ้น (กรณีฐาน)2.เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในไตรมาส 1 สู่ระดับ 5% แล้วปรับลงกว่า 1-1.5% ในไตรมาส 4 มีโอกาสเกิดขึ้น 30 – 35% ผลคือ ตลาดหุ้น Emerging Market จะ outperform 3.เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ไตรมาส 1 สู่ระดับ 5% และปรับขึ้นอีกครั้งช่วงปลายปีสู่ระดับ 6.5% มีโอกาสเกิดแค่ 20% ผลคือ หุ้นทั่วโลกจะปรับฐาน (เลวร้ายสุด) ส่วน กนง.มองอาจขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% อีก 2 ครั้งแล้วหยุดการขึ้นดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดแล้วแนะ Asset Allocation เพิ่มน้ำหนักลงทุนใน Global Fixed Income 25-30%, ลงทุนหุ้นใน Emerging Market 20–25% เน้นหุ้นจีน-เวียดนาม-ไทย อีก 10-15% ลงทุนทองคำ อีก 5-10% หุ้นยุโรป และญี่ปุ่น 5% ขณะที่ให้ถือเงินสด 25-30%.

อ่านข่าวเพิ่มเติม :  BTS โชว์ผลตอบแทนสีส้ม ชี้รัฐเสียประโยชน์ – สูญเวลา 2 ปี